แนวทางเตรียมสอบหมอใน 6 เดือนสุดท้าย

แนวทางเตรียมสอบหมอใน 6 เดือนสุดท้าย

วันนี้ขอมานำเสนอ เรื่องราวการสอบแพทย์ ของพี่ตี้ นิสิตแพทย์ มศว ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนสอบ TPAT1 และ A-Level ว่ามีการวางกลยุทธ์พิชิตทุกสนามสอบในการเข้าแพทย์อย่างไรบ้าง มารับชมเรื่องราวการเดินทางของชีวิตของพี่ตี้ในการเข้าไปเรียนแพทย์กันครับ

 

โค้งสุดท้ายต้องวางกลยุทธ์เตรียมตัวสอบอย่างไร?

สวัสดีค่ะ พี่ตี้นะคะ พี่ต้องขอบอกก่อนเลยว่า จริงๆแล้วเตรียมตัว ในระยะเวลาเพียง 6 เดือน มันจะมีข้อจำกัดพอสมควร
แต่…สิ่งที่พี่ทำในช่วงนี้คือ “ประเมินตัวเอง” ว่าในการสอบ 7 รายวิชาใน A-Level นั้น วิชาไหนที่เราสามารถทำคะแนนได้สูงสุด และคะแนนสูงสุดที่ทำได้ประมาณเท่าไหร่ ประมาณจากการทำข้อสอบปีเก่าย้อนหลังไป
ซึ่งแต่ละวิชามันจะมีช่วงคะแนนที่ทำได้ กับ ทำได้ยากมาก ยกตัวอย่าง เช่น ภาษาไทยเนี้ย จะหวัง 80+ คือยากพอสมควร แต่ถ้าบอกว่า 70+ อันนี้ทำได้ไม่ยาก แต่จะทำให้พ้น 80 จะยากมาก หรือ สังคม ที่ หวังจะให้ได้ 70+ ก็คือ ยากแบบสุดๆ แต่ถ้าหวัง 60+ แบบนี้ ไม่ยาก และไม่เหนื่อย

คะแนนที่ควรทำได้ในแต่ละวิชา

เรามาดูแต่ละรายวิชากัน ว่าควรวางเป้าไว้ที่เท่าไหร่ ถ้าสมมุติว่า “ถ้าเรา อยากติดแพทย์ มศว ในปี 2566 ซึ่งคะแนนต่ำสุดอยู่ที่ 62.7xxx”

ภาษาไทย เนี้ย หวัง 70+ ไม่ยาก สามารถทำข้อสอบเก่า แล้วฝึกนิดหน่อยก็ทำได้แล้ว ส่วน 80+ เนี้ยต้องมีพื้นฐานมาดีมาก เก่งภาษาไทยแบบมากอยู่แล้ว วิชานี้ลองตีไปว่าได้ 70-78

สังคม หวัง 60+ ไม่ยาก สามารถทำข้อสอบเก่า อ่านเนื้อหาตามเล่มสรุปสัก 2-3 รอบ หยิบข้อสอบ สามัญ o-net มาทำให้ครบ หรือให้เยอะที่สุด + ใช้เซ้นต์ตอบ ก็สามารถไปถึงคะแนน 60 ได้ ค่ะ แต่ 70+ คือมันต้องทุ่มเททั้งทรัพยากรกายและสมองมากเกินไป ซึ่งสายแพทย์ ไม่ควรทุ่มกับสังคมหรือไทยมากเกินไปนะ…

คณิตศาสตร์ เป็นวิชาที่ทำบุญ เอ้ย ฝึกทำโจทย์ แล้วขึ้นค่ะ ฝึกมาก ได้มาก ฝึกน้อยได้น้อย วิชานี้ควรได้ 50 ขั้นต่ำค่ะ ตั้งไว้ที่ 50

ฟิสิกส์ เป็นวิชาแบบคณิตศาสตร์ หลักการเดียวกันนะคะ วิชานี้ ทำ 60+ ไม่ยาก ตั้งไว้ 60 กำลังดีนะคะ

ชีวะ เป็นวิชาเดียวที่เรียกว่าเน้นอ่านเยอะ จำเยอะ อ่านได้จำได้ วิเคราะห์ได้นิดหน่อย ก็พอไหวแล้ว วิชานี้ทำคะแนน 80 ไม่ยากเกินไป แต่ถ้าพ้น 80 คือยากมาก ๆ ต้องตัวตึงจัดๆ ดังนันวิชานี้อาจตั้งเป้าไปถึง 80 ค่ะ

เคมี ช่วงหลังๆข้อสอบยากจัดค่ะ ถ้าไม่เก่ง ไม่จึ้งจริง จะหวังคะแนนสัก 50 ก็จึ้งใจแล้วค่ะ

ภาษาอังกฤษ  เป็นวิชาที่ควรได้คะแนนขั้นต่ำคือ 70 ค่ะ ถ้ามากกว่านี้จะดีมาก วิชานี้ เป็นวิชาที่คนที่ทำได้ก็ได้คะแนนเยอะไปเลย คนที่ทำไม่ได้ก็จะคะแนนน้อยหน่อย แต่น้อยไม่มาก ถ้าเราหัวกลางๆ ควรทำให้ได้ 70 คะแนน

สุดท้าย ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวกับ A-Level แต่ก็มีความสำคัญไม่พ้กัน นั่นก็คือ TPAT 1 หรือ วิชาเฉพาะแพทย์ ซึ่งควรได้ แย่ๆสุดๆคือ 18 แต่จริงๆควรได้ที่ 20 จะได้ไม่เหนื่อย a-level
ลองมารวมคะแนน ตามสัดส่วนคะแนน ตามที่ กสพท ประกาศออกมากันค่ะ

ถ้าได้ ไทย 70, สังคม 60, คณิต 50, เคมี 50, ชีวะ 80, ฟิสิกส์ 60, อังกฤษ 70, วิชาเฉพาะ 20, คะแนนรวมจะอยู่ที่ 63.6333 แค่นี้ก็ติดแพทย์ มศวแล้วค่ะ จะเห็นว่า การเข้าใจว่าคะแนนจุดไหนที่มีสิทธิ์ทำได้ เราก็จะวางแผนได้ว่า เราควรเริ่มอ่านและทำข้อสอบอย่างไร ซึ่งจะพูดต่อไป ถึงขั้นตอนการวางแผนเพื่อถึงคะแนนตามที่วางไว้
อย่างไรก็ตาม ถ้ามหาวิทยาลัยในฝันของเราคะแนนขั้นต่ำแต่ละปี มากกว่า 63 คะแนน ดังนั้นเราก็ต้องมานั่งปรับคะแนนคาดหวังให้สูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นพี่ขอชวนน้อง ๆ มาดูแนวข้อสอบที่พี่วิเคราะห์ไว้ว่า วิชาไหนที่น้องจะไต่คะแนนขึ้นไปได้อีก

วิเคราะห์ข้อสอบแต่ละวิชา

📌ไทย

เป็นวิชาที่ข้อสอบเปลี่ยนแปลงแนวน้อยสุด การเก็บคะแนน 70 ขึ้นไปสามารถทำได้ไม่ยาก อาศัยการทำข้อสอบเก่าและสำคัญคือ เฉลยที่ตรงกับคีย์ของ ทปอ เพราะข้อสอบบางข้อ อาจคิดได้หลายคำตอบ (แต่จริงๆเฉลยคำตอบเดียว)

📌สังคม

สังคมไม่ว่าจะกี่ปีกี่ชาติผ่านมา ข้อสอบก็กว้างดั่งมหาสมุทรแอตแลนติกค่ะ การหวังคะแนนสูงๆ อาจไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุด แต่เป็นการทำคะแนนให้ไม่ทิ้งคู่แข่งมากเกินไป เช่น ควรได้ 50 คะแนนขึ้น มันจะมีบทที่เก็บคะแนนได้อยู่ เช่น เศรษฐศาสตร์ หน้าที่พลเมือง ประมาณนี้

📌ภาษาอังกฤษ

ล่าสุด A-level 2566 ปรับเหลือ 4 ช้อยส์ ข้อสอบภาษาอังกฤษมีการเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ โดยช่วงหลังจะเน้น Speed test ข้อสอบยากขึ้นทุกๆปี แต่ปีล่าสุดนั้น ออกมาได้ง่ายกว่าในอดีตมาก เราอาจจะมีความหวังกับวิชานี้มากขึ้นก็ได้นะ

📌คณิตศาสตร์ 1

คณิตเป็นวิชาที่มีคนได้คะแนนเกินครึ่ง จำนวนน้อยมาก เมื่อเทียบกับรายวิชาอื่น แล้วน้ำหนักค่อนข้างเยอะ วิชานี้อาจเรียกว่าเป็นวิชาหนึ่งที่ใช้วัดได้เบา ๆ เลยว่า จะสอบติดคณะที่ต้องการหรือไม่ ความยากนี้ มันยากทุกปีอยู่แล้ว ยากจากตัวเนื้อหามันเองนั้นแหละ วิธีเดียวที่จะเอาชนะข้อสอบในปัจจุบันได้ นั้นคือ การฝึก ฝึก ฝึกและฝึก ฝึก ข้อสอบเก่า ข้อสอบตามหนังสือ เอามาทำ และทำ ทำ ทำ เท่านั้น

“ฝึกแล้ว ฝึกอยู่ ฝึกต่อ, ทำแล้ว ทำต่อ ทำอีก”

📌เคมี  9.33%

วิชานี้เป็นวิชาหนึ่งในยุคปัจจุบันที่ ข้อสอบมีความซับซ้อน และยากขึ้นกว่าในอดีตพอสมควร คนที่สอบติดหมอได้วิชานี้น้อยมาก บางคน 30-40 คะแนนด้วยซ้ำ เพราะแนวเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตมาก

📌ฟิสิกส์ 9.33%

วิชานี้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวข้อสอบ โดยเน้นทฤษฎี มากกว่าคำนวณ ในปี 2566 ซึ่งแตกต่างจากสมัยก่อนที่ เน้นคำนวณ วิชานี้ใช้ทักษะเดียวกับคณิตศาสตร์ ต้องทำโจทย์ และเข้าใจธรรมชาติของวิชา ในการสอบจริง อย่าคำนวณผิดพอ อ่านโจทย์ดีๆ ว่าเขาต้องการค่าอะไรกันแน่

📌ชีววิทยา 9.33%

วิชานี้แนวข้อสอบไม่ได้แตกต่างจากเดิม แต่ว่าภาษาในข้อสอบนั้น จะอิงจากหนังสือ สสวท เป็นหลัก ข้อสอบไม่ยากเกินความสามารถ ถ้าอ่านและเข้าใจบทเรียนจริงๆ วิชานี้ถือว่ามีโอกาสทำคะแนนได้ดี สำคัญที่สุดคือ การอ่านหนังสือของ สสวท. กับทำข้อสอบเก่า

ส่องสถิติ คะแนน A-Level ที่ผ่านมา

ทิ้งท้าย…จากพี่ตี้ ถึง น้อง ๆ ที่อยากเป็นหมอ

อีก 6 เดือนใกล้สอบแล้ว ให้พยายามอดทน ทำข้อสอบเก่า เยอะๆ เปลี่ยนแรงกดดันมาเป็นแรงผลักดัน สำหรับพี่ จะนึกถึงว่าตัวเองเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ เราจะเลือกได้เพียง 2 อย่างคือ เลือกจะยอมจมลงไป หรือเลือกที่จะใช้แรงเฮื้อกสุดท้าย เพื่อโผล่ขึ้นน้ำมาหายใจ ถึงแม้ต้องใช้ความพยายามมาก แต่มองว่า ครั้งสุดท้ายแล้ว ใส่ให้สุด แล้วเราก็จะรอด (ได้คณะในฝัน) ค่ะ

สิงหาคม 31, 2023